Thursday, July 24, 2014

บริหาร #ธุรกิจครอบครัวแบบ #จีน โพ้นทะเล #chinesefamilybusiness




ธุรกิจครอบครัวของชาวจีนโพ้นทะเลที่กระจายตัวอยู่ทั่วเอเชียถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคโดยมีนักธุรกิจเชื้อสายจีนในกลุ่ม NIES (Newly Industrialized Economies) เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นคลื่นลูกแรกตามมาด้วยคลื่นลูกที่สอง ได้แก่ นักธุรกิจเชื้อสายจีนใน ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และมหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่อย่างจีน และกลุ่มนักธุรกิจจีนในคลื่นลูกที่สาม เช่น เวียดนามที่กำลังไล่ตามมาติดๆ

บทเรียนการบริหารธุรกิจแบบ จีนโพ้นทะเลเมื่อพลวัตของเศรษฐกิจโลกกำลังเคลื่อนที่มายังเอเชีย จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากว่าครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลที่มีรากของวัฒนธรรมประเพณีจีน แต่ได้อพยพออกจากประเทศจีนมาอยู่ในประเทศต่างๆ ในเอเชียที่มีระบบเศรษฐกิจเปิดแบบทุนนิยมนั้นเขามีจุดกำเนิด การเติบโต และการสืบทอดธุรกิจกันอย่างไรจึงสามารถพัฒนากลายเป็นธุรกิจข้ามชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ดังเช่นในปัจจุบัน วันนี้เราจะมาเรียนรู้ สไตล์การบริหารธุรกิจครอบครัวแบบชาวจีนโพ้นทะเลผ่านกรณีศึกษา 5 ธุรกิจครอบครัวจีนในสิงคโปร์ที่ได้มีการศึกษาไว้โดย Fock Siew Tong[1] ซึ่งสามารถสรุปบทเรียนออกได้เป็น 5 ข้อสำคัญ ได้แก่



1. ธุรกิจครอบครัวจะ โต ได้ต้องรู้จักใช้ มืออาชีพและทำธุรกิจที่ตนชำนาญหรือมีความได้เปรียบคนอื่นๆ
ธุรกิจครอบครัวจีนต้นแบบที่เราศึกษาใช้วิธีกระจายอำนาจบริหารให้กับผู้บริหารคนนอก หรือ มืออาชีพที่ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ หรืออย่างที่ในอดีตเรามักจะเรียกว่า หลงจู้โดยไม่เกี่ยงว่าพวกเขาไม่ใช่คนนามสกุลเดียวกันกับเจ้าของ เพื่อสลายข้อจำกัดในด้านการบริหารงาน นอกจากนี้ ธุรกิจครอบครัวจีนยังเน้นการทำธุรกิจในกิจการที่ตนมีความชำนาญพิเศษและมีความได้เปรียบคู่แข่งอื่นๆ ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปทักษะความรู้ในเชิงลึกที่คนอื่นไม่มี เครือข่ายและพันธมิตรในการทำธุรกิจ โดยที่การเติบโตของธุรกิจจะขยายตัวอย่างรวดเร็วหากมีการร่วมมือกับหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ที่เป็นบริษัทข้ามชาติหรือนักลงทุนที่สามารถช่วยขจัดข้อจำกัดทางเทคนิค ข้อจำกัดทางการเงิน รวมถึงช่วยขยายตลาดได้ต่อไป

ธุรกิจครอบครัวที่ต้องการเติบโตจึงต้องเน้นในเรื่องการหา คนนอกที่เก่งและไว้ใจได้เข้ามาช่วยในกิจการครอบครัว รวมถึงการโพกัสในธุรกิจที่ครอบครัวมีความได้เปรียบคู่แข่งอื่นๆ ในตลาดและคอยมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยเสริมในส่วนที่ขาด

2. ผสานการบริหารงานแบบ ตะวันตกเข้ากับ ตะวันออก
                การบริหารแบบตะวันตกเชื่อที่ว่า ความเป็นเจ้าของและ การบริหารควรถูกแยกออกจากกันให้ชัดเจนเพื่อความสำเร็จของธุรกิจนั้น อาจไม่จำเป็นเสมอไปภายใต้สไตล์การบริหารและแนวคิดแบบผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออก ยกตัวอย่างเช่น
·     การวางโครงสร้างการบริหารงานแบบแบนราบ (Flat Management Structure) ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการตัดสินใจของธุรกิจครอบครัวมีความรวดเร็ว แต่ก็ให้มีระบบตรวจสอบถ่วงดุล (Check & Balance) โดยการให้ผู้บริหารหรือที่ปรึกษาที่เป็น คนนอกเข้ามาร่วมในการตัดสินใจเพื่อแก้จุดอ่อน 4 ประการของธุรกิจครอบครัว ได้แก่ (1) ความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ของธุรกิจครอบครัว (2) การขาดวินัยทางการเงิน (3) การไร้ความสามารถในการฉวยโอกาสทางธุรกิจ (4) การเอาแต่ญาติพี่น้อง (Nepotism) ในธุรกิจครอบครัว
·     การให้ มืออาชีพเข้ามาช่วยเหลือ ทายาทพัฒนาและขยายธุรกิจ ซึ่งนอกจากหน้าที่ประจำแล้ว หลงจู้ยังมีหน้าที่ช่วยอบรม ดูแล ประคับประคองทายาทของครอบครัวให้มีความรู้ ความสามารถเพียงพอที่จะสืบทอดธุรกิจต่อไป

3. ผสาน ระบบคุณค่าของชาวจีนกับ วิธีการบริหารสมัยใหม่
ระบบคุณค่าสำคัญที่ติดตัวมาจากแผ่นดินแม่ถือเป็นส่วนสำคัญที่กำหนด ยุทธศาสตร์ธุรกิจของนักธุรกิจจีนในยุคแรกๆ อันมีรากฐานสำคัญมาจากลัทธิขงจื้อ (Confucian Values) เช่น ความขยันอดทน ความประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ย่อท้อแม้มีอุปสรรคขวางหน้า คุณค่าพื้นฐานเหล่านี้รวมถึงรากทางวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวจีนก่อให้เกิดลักษณะเฉพาะตัวของธุรกิจครอบครัวจีนที่สำคัญ 4 ประการ คือ

·         กระบวนการตัดสินใจแบบรวมศูนย์ ที่ครอบครัวมีอำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จทั้งเป็นเจ้าของ (Owner) และเป็นผู้บริหาร (Manager) เอง ทำให้ไม่ต้องถูกไล่บี้จากผู้ถือหุ้นนอกครอบครัว และสามารถอดทนรอผลตอบแทนการลงทุนที่ดีแต่ใช้เวลานาน (กว่าจะคืนทุน) ได้
·         การบริหารโดยเครือญาติใกล้ชิด เนื่องจากความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเครือญาติ และญาติพี่น้องถือเป็นแรงงานที่ทำงานหนักแต่จ้างได้ ถูกกว่า จ้างคนภายนอก
·         Know-who คือหัวใจ การบริหารความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันถือเป็นหัวใจของความสำเร็จเชิงธุรกิจในระยาวของสังคมชาวจีน โดยความสัมพันธ์จะอยู่ในรูปของการให้และรับความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
·         การทำธุรกิจด้วยความพอดี (Moderation) คือไม่มากไม่น้อยเกินไป ไม่สุดโต่ง ตั้งตนอยู่บนความมีเหตุและมีผล (Reasonableness) ไม่ใช่แค่เหตุผล (Reason) ซึ่งถือเป็นแกนกลางของแนวคิดของลัทธิขงจื้อ   

ระบบคุณค่าสำคัญ รวมถึงลักษณะเฉพาะตัวดังกล่าวยังคงถูกถ่ายทอดต่อไปยังผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นที่สอง แต่ด้วยความที่ผู้นำรุ่นที่สองส่วนมากได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นและยังได้รับเอาแนวคิดการบริหารธุรกิจแบบ โลกตะวันตกเข้ามาด้วย ทำให้เมื่อเขาเหล่านั้นเข้ามาทำงานในกิจการของครอบครัว ระบบคุณค่าดั่งเดิมที่ถูกถ่ายทอดต่อกันมาจึงถูกนำมาผสมผสานเข้ากับการบริหารธุรกิจสมัยใหม่ ตัวอย่างของการผสมผสาน เช่น
·     การให้โอกาสสมาชิกครอบครัวสำหรับตำแหน่งบริหารระดับสูง แต่ก็ยังต้องพิจารณาควบคู่ไปกับคุณสมบัติทางธุรกิจ (Professional Qualifications) จุดสนใจ (Interest) ของทายาท และความชอบหรือไฟ (Passion) ในการทำธุรกิจครอบครัวด้วย เป็นต้น
·     การนำเอามืออาชีพ (Professional) เข้ามาช่วยกิจการครอบครัวและใช้มืออาชีพนั้นเป็นเสมือน “Change Agent” ที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการสมัยใหม่ และใช้ระบบการดูแลพนักงานและมืออาชีพเสมือนเป็นญาติพี่น้องในครอบครัว ช่วยดูแลรักษาพนักงานที่ซื่อสัตย์ซึ่งร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่มากับคนรุ่นพ่อโดยไม่ทอดทิ้ง เป็นต้น
·     การดูแลรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและเครือข่ายธุรกิจที่คนรุ่นก่อนได้สร้างไว้ และใช้มันอย่างต่อเนื่องในการทำธุรกิจของครอบครัว
·     การรับเอาแนวคิด และ Best Practices รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาในการทำธุรกิจครอบครัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น

การผสมผสานคุณค่าและวัฒนธรรมของชาวจีนให้เข้ากับการบริหารสมัยใหม่ถือเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของธุรกิจครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลที่ประสบความสำเร็จ

4. ส่งมอบธุรกิจครอบครัวให้ทายาทที่มีหัวใจ ผู้ประกอบการ
ทายาทที่มีหัวใจเป็น ผู้ประกอบการคือ ทายาทที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าจากภายใน (Inner Passion) ที่ต้องการจะเป็นเจ้าของธุรกิจ และมีความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นเจ้าของธุรกิจของตน เขาเหล่านั้นคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดธุรกิจครอบครัวในรุ่นถัดไป แรงปรารถนาของทายาทซึ่งต้องการจะเป็นผู้ประกอบการมาจากความรู้สึกลึกๆ ที่ไม่ต้องการจะทำงานเพื่อใครคนอื่นอีกนอกจากตนเอง และแรงขับที่ต้องการจะปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจครอบครัวในปัจจุบันให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก

ความสำเร็จของการสืบทอดธุรกิจครอบครัวของชาวจีนโพ้นทะเลจึงมีพื้นฐานสำคัญประการหนึ่งมาจาก ความเป็นผู้ประกอบการในตัวผู้นำรุ่นถัดไป รวมถึงความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างสมาชิกครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีจุดแข็ง ทักษะ และความรู้ที่แตกต่างกัน แต่ส่งเสริมกันเพื่อความสำเร็จร่วมกันในธุรกิจครอบครัว

5. เตรียมการส่งมอบธุรกิจอย่างมีขั้นตอนตั้งแต่ทายาทเริ่มเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัว
ต้องเข้าใจว่าการส่งมอบธุรกิจครอบครัวมีลักษณะเป็น กระบวนการมีขั้นมีตอนโดยขั้นตอนที่สำคัญที่สุดจะเป็นในช่วงที่ทายาทเริ่มเข้ามาทำในธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัว โดยธุรกิจครอบครัวจีนที่ศึกษามีแนวปฏิบัติร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้  

(1)    เมื่อเริ่มเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัว พ่อแม่ควรวางตัวทายาทในตำแหน่งที่จะได้ เรียนรู้งาน โดยขึ้นอยู่กับจุดแข็งจุดอ่อนของทายาทเองเพื่อเสริมในส่วนที่ขาด หรือพัฒนาต่อยอดในส่วนที่เป็นจุดแข็ง ก่อนที่จะวางตัวพวกเขาเหล่านั้นในตำแหน่ง ผู้สืบทอดที่มีความรับผิดชอบและความกดดันสูงต่อไป
(2)    พ่อแม่หรือผู้นำธุรกิจครอบครัวทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล (Mentor) ให้แก่เหล่าทายาทที่เข้ามาทำงาน รวมถึงการสร้างบรรยากาศแห่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทายาทด้วยกันเพราะจะทำให้กระบวนการสืบทอดดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่น
(3)    ทายาทควรได้รับโอกาสในการแสดงฝีมือเพื่อสร้างความมั่นใจในตนเอง (Confidence) และความเชื่อมั่น (Credibility) ต่อสมาชิกครอบครัวและพนักงาน ตั้งแต่ในช่วงแรกๆ ของชีวิตการทำงานในธุรกิจครอบครัวเพื่อปูทางสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูงต่อไป
(4)    สุดท้ายถ้าทายาทได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีความสามารถที่เพียงพอจะบริหารธุรกิจครอบครัวต่อไป ทางเลือกที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการที่ไม่ให้พวกเขาเข้ามาบริหารงาน เพราะจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี

และนั่นก็คือ เคล็ดลับบางส่วนของการบริหารธุรกิจครอบครัวสไตล์ชาว จีนโพ้นทะเลที่พวกเราสามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ได้ การก็อปปี้แนวคิดตะวันตกและนำมาใช้โดยไม่ ประยุกต์ เลยอาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในธุรกิจและครอบครัวได้ การเอาส่วนที่ดีจากโลกตะวันออกและโลกตะวันตกมาผสมผสานกันน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลสามารถเติบใหญ่และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างราบรื่นต่อไป

สรุปข้อคิดการบริหารธุรกิจครอบครัวแบบชาวจีนโพ้นทะเล
1. ธุรกิจครอบครัวจะ โตได้ต้องรู้จักใช้ มืออาชีพและทำธุรกิจที่ตนชำนาญหรือมีความได้เปรียบคนอื่นๆ
2. ผสานการบริหารงานแบบ ตะวันตกเข้ากับ ตะวันออก
3. ผสาน ระบบคุณค่าของชาวจีนกับ วิธีการบริหารสมัยใหม่
4. ส่งมอบธุรกิจครอบครัวให้ทายาทที่มีหัวใจ ผู้ประกอบการ
5. เตรียมการส่งมอบธุรกิจอย่างมีขั้นตอนตั้งแต่ทายาทเริ่มเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัว




[1] งานศึกษาของ Fock Siew Tong ได้มาจากการวิเคราะห์ธุรกิจครอบครัวชาวจีนในสิงคโปร์จำนวน 5 ครอบครัว ได้แก่ Eu Yan Sang International Limited, The Hour Glass Limited, Hong Leong Group (Singapore), Qian Hu Corporation Limited และ Popular Holdings Limited

No comments:

Post a Comment